สถานที่ตั้ง
วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) ตั้งอยู่ที่ 175 ถนน พระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) แรกสร้างมีชื่อว่า “วัดลักขปุราคมาราม” มีความหมายว่า “วัดที่พระเจ้าแสนเมืองมาทรงสร้าง” ในอดีตพระอารามแห่งนี้ถือเป็นวัดประจำเมืองที่มีความสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากใช้เป็นสถานที่ประชุมทัพและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญต่างๆ
ชื่อ “วัดหัวข่วง” มีที่มาจากที่ตั้งของวัด ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมือง ใกล้กับสนามหลวง (ภาษาล้านนาเรียกว่า “ข่วง”) หรือคุ้มของเจ้านาย เป็นธรรมเนียมการสร้างวัดของเมืองทางตอนเหนือของประเทศ สังเกตได้ว่ามีพระอารามที่มีชื่อแบบเดียวกันนี้ อยู่ในเกือบทุกจังหวัดในภาคเหนือ และเชียงตุง
ตามพงศาวดารบันทึกไว้ว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๐๖๓ พระเมืองแก้ว กษัตริย์เชียงใหม่ ราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ ๑๑ ทรงโปรดให้บูรณะพระเจดีย์ของวัดหัวข่วงขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเก่า และโปรดให้บรรจุพระบรมธาตุไว้ในมหาเจดีย์นั้นด้วย เมื่อสร้างพระเจดีย์แล้วเสร็จทรงโปรดให้สร้างหอพระมณเฑียรธรรมเพื่อบรรจุคัมภีร์พระไตรปิฎก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าแสนเมืองมา พระอัยกาธิราช (หรือปู่) พระอารามแห่งนี้ร้างอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งพระครูปลัดทรงสวัสดิ์ ปัญญาวชิโรบูรณะฟื้นฟูวัดนี้ขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยท่านได้สร้างปูชนียสถานสำคัญต่างๆ ขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงแต่พระมหาธาตุเจดีย์เท่านั้น
โบราณวัตถุสถาน
1. วิหารหลวง สถาปัตยกรรมล้านนา พระวิหารหลังนี้สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อทดแทนพระวิหารหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้เสียหาย พระประธานภายในพระวิหารคือ “พระพุทธรัตนบุรีสะหลีแสนเมืองมา” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง ๖ เมตร สูง ๙ เมตร กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามองค์หนึ่งของล้านนา
2. พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมท้องถิ่น สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ภายในประดิษฐานนำ “พระเจ้าศรีเมืองมา” พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดเท่าพระองค์จริงของพระเจ้าแสนเมืองมา
3. พระมหาธาตุเจดีย์วัดหัวข่วง เป็นเจดีย์ล้านนาผสมสุโขทัย ลักษณะเจดีย์สิบสองเหลี่ยม ส่วนบนมีองค์ระฆัง แสดงอิทธิพลสุโขทัย เป็นรูปแบบพระเจดีย์ที่นิยมสร้างกันมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑ รัชสมัยพระเจ้าติโลกราชต่อรัชกาลพระเมืองแก้ว มีลักษณะคล้ายพระธาตุดอยสุเทพ และพระธาตุลำปางหลวง
4. หอพระมณเฑียรธรรม สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระเมืองแก้ว พร้อมๆ กับการบูรณะพระเจดีย์ครั้งแรก เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎก แต่ก็ผุพังไปตามกาลเวลา หอพระมณเฑียรธรรมหลังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ สร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนหลังเดิม
วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) ตั้งอยู่ที่ 175 ถนน พระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) แรกสร้างมีชื่อว่า “วัดลักขปุราคมาราม” มีความหมายว่า “วัดที่พระเจ้าแสนเมืองมาทรงสร้าง” ในอดีตพระอารามแห่งนี้ถือเป็นวัดประจำเมืองที่มีความสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากใช้เป็นสถานที่ประชุมทัพและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญต่างๆ
ชื่อ “วัดหัวข่วง” มีที่มาจากที่ตั้งของวัด ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมือง ใกล้กับสนามหลวง (ภาษาล้านนาเรียกว่า “ข่วง”) หรือคุ้มของเจ้านาย เป็นธรรมเนียมการสร้างวัดของเมืองทางตอนเหนือของประเทศ สังเกตได้ว่ามีพระอารามที่มีชื่อแบบเดียวกันนี้ อยู่ในเกือบทุกจังหวัดในภาคเหนือ และเชียงตุง
ตามพงศาวดารบันทึกไว้ว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๐๖๓ พระเมืองแก้ว กษัตริย์เชียงใหม่ ราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ ๑๑ ทรงโปรดให้บูรณะพระเจดีย์ของวัดหัวข่วงขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเก่า และโปรดให้บรรจุพระบรมธาตุไว้ในมหาเจดีย์นั้นด้วย เมื่อสร้างพระเจดีย์แล้วเสร็จทรงโปรดให้สร้างหอพระมณเฑียรธรรมเพื่อบรรจุคัมภีร์พระไตรปิฎก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าแสนเมืองมา พระอัยกาธิราช (หรือปู่) พระอารามแห่งนี้ร้างอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งพระครูปลัดทรงสวัสดิ์ ปัญญาวชิโรบูรณะฟื้นฟูวัดนี้ขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยท่านได้สร้างปูชนียสถานสำคัญต่างๆ ขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงแต่พระมหาธาตุเจดีย์เท่านั้น
โบราณวัตถุสถาน
1. วิหารหลวง สถาปัตยกรรมล้านนา พระวิหารหลังนี้สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อทดแทนพระวิหารหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้เสียหาย พระประธานภายในพระวิหารคือ “พระพุทธรัตนบุรีสะหลีแสนเมืองมา” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง ๖ เมตร สูง ๙ เมตร กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามองค์หนึ่งของล้านนา
2. พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมท้องถิ่น สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ภายในประดิษฐานนำ “พระเจ้าศรีเมืองมา” พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดเท่าพระองค์จริงของพระเจ้าแสนเมืองมา
3. พระมหาธาตุเจดีย์วัดหัวข่วง เป็นเจดีย์ล้านนาผสมสุโขทัย ลักษณะเจดีย์สิบสองเหลี่ยม ส่วนบนมีองค์ระฆัง แสดงอิทธิพลสุโขทัย เป็นรูปแบบพระเจดีย์ที่นิยมสร้างกันมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑ รัชสมัยพระเจ้าติโลกราชต่อรัชกาลพระเมืองแก้ว มีลักษณะคล้ายพระธาตุดอยสุเทพ และพระธาตุลำปางหลวง
4. หอพระมณเฑียรธรรม สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระเมืองแก้ว พร้อมๆ กับการบูรณะพระเจดีย์ครั้งแรก เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎก แต่ก็ผุพังไปตามกาลเวลา หอพระมณเฑียรธรรมหลังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ สร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนหลังเดิม