สถานที่ตั้ง
วัดทรายมูลพม่าตั้งอยู่เลขที่ 103 ถนนบำรุงบุรี ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดทรายมูลพม่า ไม่ปรากฏปีที่สร้าง แต่คาดว่าราวๆ สมัยกลางของราชวงศ์ทิพย์จักร (เจ้าเจ็ดตน) ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ จากการที่เชียงใหม่ตกอยู่ใต้อำนาจของพม่านานถึง 262 ปี ในกาลเวลาต่อมาชาวพม่าที่นับถือศาสนาพุทธมีความเลื่อมใส ก็ร่วมใจกันกับแม่ทัพพม่าชื่อ ทัพชัยสงครามจ่าบ้าน มีหน้าที่คุมกองทัพพม่าทั่วล้านนาไทย เป็นประธานสร้างพระอามรามแห่งนี้ขึ้น ชื่อว่า “วัดมูลม่าน” หรือ “วัดทรายมูลม่าน” ซึ่งเรียกปัจจุบันคือ วัดทรายมูลพม่า
โบราณวัตถุสถาน
1. พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนอย่างง่าย หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ฝาผนังมีจิตกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ ชัด นอกจากนั้นยังมีรูปแกะสลักด้วยไม้ และธรรมาสน์ที่เก่าแก่
2. พระเจดีย์ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร บูรณะเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ มีอยู่สององค์ตั้งอยู่คู่กัน องค์ใหญ่เลียนแบบเจดีย์ชเวดากอง โดยมีฐานซ้อนกัน ๓ ชั้น องค์เจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำมีลวดลายประดับ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๕ ชั้น องค์เล็กมีศิลปะที่แตกต่างออกไป ฐานล่างสุดเป็นฐานย่อเก็จรับกับฐานแปดเหลี่ยมสามชั้น องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตร ๗ ชั้น ทั้งสององค์ทาด้วยสีทอง
3. กุฏิ เป็นอาคารเรียบง่ายดูคล้ายกลับอาคารเรียนของไทย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ผนังด้านหลังประดับด้วยกระจกหลากสีแวววับสวยงาม
วัดทรายมูลพม่าตั้งอยู่เลขที่ 103 ถนนบำรุงบุรี ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดทรายมูลพม่า ไม่ปรากฏปีที่สร้าง แต่คาดว่าราวๆ สมัยกลางของราชวงศ์ทิพย์จักร (เจ้าเจ็ดตน) ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ จากการที่เชียงใหม่ตกอยู่ใต้อำนาจของพม่านานถึง 262 ปี ในกาลเวลาต่อมาชาวพม่าที่นับถือศาสนาพุทธมีความเลื่อมใส ก็ร่วมใจกันกับแม่ทัพพม่าชื่อ ทัพชัยสงครามจ่าบ้าน มีหน้าที่คุมกองทัพพม่าทั่วล้านนาไทย เป็นประธานสร้างพระอามรามแห่งนี้ขึ้น ชื่อว่า “วัดมูลม่าน” หรือ “วัดทรายมูลม่าน” ซึ่งเรียกปัจจุบันคือ วัดทรายมูลพม่า
โบราณวัตถุสถาน
1. พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนอย่างง่าย หลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ฝาผนังมีจิตกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ ชัด นอกจากนั้นยังมีรูปแกะสลักด้วยไม้ และธรรมาสน์ที่เก่าแก่
2. พระเจดีย์ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร บูรณะเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ มีอยู่สององค์ตั้งอยู่คู่กัน องค์ใหญ่เลียนแบบเจดีย์ชเวดากอง โดยมีฐานซ้อนกัน ๓ ชั้น องค์เจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำมีลวดลายประดับ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทอง ๕ ชั้น องค์เล็กมีศิลปะที่แตกต่างออกไป ฐานล่างสุดเป็นฐานย่อเก็จรับกับฐานแปดเหลี่ยมสามชั้น องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนยอดเป็นฉัตร ๗ ชั้น ทั้งสององค์ทาด้วยสีทอง
3. กุฏิ เป็นอาคารเรียบง่ายดูคล้ายกลับอาคารเรียนของไทย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าเป็นพระประธาน ผนังด้านหลังประดับด้วยกระจกหลากสีแวววับสวยงาม