สถานที่ตั้ง
วัดหมื่นล้านตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
ถูกสร้างขึ้นในปีมะเส็ง จ.ศ.822 (พ.ศ.2002) ถึงปีมะเเม จ.ศ.825 (พ.ศ.2005) ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ล้านนาประเทศ ในราชวงศ์มังราย ผู้สร้างวัดหมื่นล้านคือ “หมื่นโลกสามล้านขุนพลแก้ว” คู่บัลลังก์ของพระเจ้าติโลกราชซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ “หมื่นด้ง” หรือ “หมื่นด้งนคร” เพื่อเป็นการสร้างกุศลอุทิศแก่แม่ทัพของอยุธยา ที่พ่ายในการทำสงครามจนต้องเสียชีวิตในสนามรบ ตลอดถึงอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่บรรดาแม่ทัพนายกกองของล้านนา
ตามหลักฐานบ่งชี้ไว้ว่า ได้มีการจัดหาสถานที่สร้างวัดขึ้นภายในกำแพง เมืองเบื้องบูรพาทิศ ห่างจากประตูเมืองไปยังใจกลางเมือง 100 ขาธนู (1 ขาธนูเท่ากับ 1 วา) คือประมาณ 100 วา ในปีมะเส็ง จ.ศ. 822 ตรงกับ พ.ศ. 2002 ครั้นถึงปีมะแม พ.ศ. 2005 (จ.ศ. 825) จึงได้ทำการเฉลิมฉลองถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา
โบราณวัตถุสถาน
1. เจดีย์และลวดลายหน้าบันของวิหารที่มองเห็นกันส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบพม่า เนื่องจากปี พ.ศ.25460 หรือปีมะเส็ง ปี จ.ศ.1279 ได้มีคหบดีท่านหนึ่ง คือ หลวงโยนะการพิจิตร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า คุณหลวงโยฯ ซึ่งเป็นต้นตระกูล “อุปะโยคิน” ซึ่งมีพื้นเพเดิมเป็นชาวพม่าได้สละทุนทรัพย์สร้างขึ้นมาทดแทนของเดิมที่เสียหาย
วัดหมื่นล้านตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
ถูกสร้างขึ้นในปีมะเส็ง จ.ศ.822 (พ.ศ.2002) ถึงปีมะเเม จ.ศ.825 (พ.ศ.2005) ในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ล้านนาประเทศ ในราชวงศ์มังราย ผู้สร้างวัดหมื่นล้านคือ “หมื่นโลกสามล้านขุนพลแก้ว” คู่บัลลังก์ของพระเจ้าติโลกราชซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ “หมื่นด้ง” หรือ “หมื่นด้งนคร” เพื่อเป็นการสร้างกุศลอุทิศแก่แม่ทัพของอยุธยา ที่พ่ายในการทำสงครามจนต้องเสียชีวิตในสนามรบ ตลอดถึงอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่บรรดาแม่ทัพนายกกองของล้านนา
ตามหลักฐานบ่งชี้ไว้ว่า ได้มีการจัดหาสถานที่สร้างวัดขึ้นภายในกำแพง เมืองเบื้องบูรพาทิศ ห่างจากประตูเมืองไปยังใจกลางเมือง 100 ขาธนู (1 ขาธนูเท่ากับ 1 วา) คือประมาณ 100 วา ในปีมะเส็ง จ.ศ. 822 ตรงกับ พ.ศ. 2002 ครั้นถึงปีมะแม พ.ศ. 2005 (จ.ศ. 825) จึงได้ทำการเฉลิมฉลองถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา
โบราณวัตถุสถาน
1. เจดีย์และลวดลายหน้าบันของวิหารที่มองเห็นกันส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบพม่า เนื่องจากปี พ.ศ.25460 หรือปีมะเส็ง ปี จ.ศ.1279 ได้มีคหบดีท่านหนึ่ง คือ หลวงโยนะการพิจิตร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า คุณหลวงโยฯ ซึ่งเป็นต้นตระกูล “อุปะโยคิน” ซึ่งมีพื้นเพเดิมเป็นชาวพม่าได้สละทุนทรัพย์สร้างขึ้นมาทดแทนของเดิมที่เสียหาย