สถานที่ตั้ง
วัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์) ตั้งอยู่เลขที่ 129 ถนนราชภาคินัย ตำบลศรีภูมิ อำเถอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
ในต้นฤดูหนาว ปี พ.ศ.2461 พบว่าเป็นวัดร้าง มีอาณาบริเวณไม่กว้างมากนักและมีซากอุโมงค์สำหรับเป็นที่เดินจงกรม มีความยาวประมาณ 6 เมตร กว้าง 1.1 เมตร ลึกประมาณ 2.1 เมตร มีป้ายติดอยู่กับหลักบอกชื่อว่า "วัดอุโมงค์ (เถรจันทร์)" เรียกอีกอย่างว่า "วัดโพธิ์น้อย" มีเนื้อที่ทั้งหมด 2 ไร่ 2 งาน 43 ตารางวา เป็นวัดที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 สิ่งสำคัญภายในวัดก็จะมี วิหารเป็นสถาปัตยกรรมล้านนา สร้างขึ้นระหว่างปีพุทธศตวรรษ 24-25 เจดีย์องค์ใหญ่ที่อยู่หลังวิหาร
สำหรับเจดีย์ด้านทิศใต้ของวิหารนี้ เป็นโบราณสถานที่สำคัญของวัดอุโมงค์เถรจันทร์เพราะมีศิลปกรรมที่ผิดแผกไปจากเจดีย์ทั่วๆไปของจังหวัดเชียงใหม่ ตามลักษณะของเจดีย์แล้ว คาดการณ์กันว่าอาจจะสร้างเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จริง เจดีย์องค์นี้น่าจะเป็นแบบอย่างของโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ของแคว้นล้านนาไทย ที่เริ่มสร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 ทั้งนี้เพราะยากที่จะหาโบราณสถานใดๆในศิลปะแบบล้านนาที่จะมีอายุเก่าแก่ราวพุทธศตวรรษที่ 21 ได้
ในตำนานใบลานได้จารึกไว้ว่า พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ "พระมหาเถรจันทร์" ซึ่งเป็นพระเถรผู้ใหญ่ในยุคนั้นมีความแตกฉานในทางคดีโลกและคดีธรรม เป็นที่เคารพของคนทั้งหลาย พระเจ้ากือนา กษัตริย์อันดับที่ 7 ของเมืองล้านนาไทย ก็ได้ให้ความเคารพนับถือพระเถรจันทร์องค์นี้อย่างสูง เมื่อพระองค์มีข้อสงสัยพระการใด ก็ทรงให้อำมาตย์ ราชบุรุษนำราชยานไปรับ เพื่อเข้าเฝ้าชี้แจงข้อสงสัย ต่อมาเมื่อ "วัดโพธิ์น้อย" ซึ่งมีพระมหาเถรจันทร์เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงได้โปรดให้สร้างกุฏิ วิหาร อุโบสถและพระเจดีย์อุโมงค์ ซึ่งก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ.1918 และทรงตั้งชื่อว่า "วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์" บางครั้งพระมหาเถรจันทร์ไปพำนักที่วัดไผ่ 11 กอ เชิงดอยสุเทพเพื่อความสงบ เมื่อพระเจ้ากือนาทรงทราบจึงให้อำมาตย์ราชบุรุษไปสร้างวัดอุโมงค์ไว้อีกที่หนึ่ง ในปี พ.ศ.1921 พระมหาเถรจันทร์จึงได้เป็นเจ้าอาวาสทั้งสองวัด เมื่อท่านอายุได้ 77 ปี มีพรรษาได้ 56 พรรษา ท่านก็ได้มรณภาพลงที่วัดอุโมงค์แห่งนี้ ในปี พ.ศ.1945
โบราณวัตถุสถาน
1. พระพุทธเชียงแสนสิงห์หนึ่ง หรือ หลวงพ่อสมใจนึก หล่อด้วยโลหะปูนผสมเกศาดอกบัวตูม และลงรักปิดทองทับอีก มีขนาดหน้าตักกว้าง 1.90 เมตร สูง 2.20 เมตร เป็นพระประธานในอุโบสถ แบบปางมารวิชัยนั่งขัดสมาธิราบ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1839-1840
2. พระพุทธปฏิมากร (หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อใหญ่) พระประธานในวิหารหลวง หล่อด้วยปูนลงรักปิดทอง เกศาแบบเปลวเพลิง มีขนาดหน้าตัก 2.90 เมตร สูง 3.70 เมตร เป็นพระประธานในพระวิหารหลวง สร้างราวปี พ.ศ.1910-1914
3. พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สามแบบปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์รมดำเกศาดอกบัวตูม มีขนาดกว้าง 77 เซนติเมตร สูง 1.05 เมตร ประดิษฐานหน้าพระประธาน (หลวงพ่อโต) ณ วิหารหลวงภายในวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์
4. หลวงพ่อไร่หอม เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย สร้างเมื่อ พ.ศ.2057 ประดิษฐาน ณ วิหารหลวง (อัญเชิญมาจากวัดไร่หอม และวัดนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด)
วัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์) ตั้งอยู่เลขที่ 129 ถนนราชภาคินัย ตำบลศรีภูมิ อำเถอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
ในต้นฤดูหนาว ปี พ.ศ.2461 พบว่าเป็นวัดร้าง มีอาณาบริเวณไม่กว้างมากนักและมีซากอุโมงค์สำหรับเป็นที่เดินจงกรม มีความยาวประมาณ 6 เมตร กว้าง 1.1 เมตร ลึกประมาณ 2.1 เมตร มีป้ายติดอยู่กับหลักบอกชื่อว่า "วัดอุโมงค์ (เถรจันทร์)" เรียกอีกอย่างว่า "วัดโพธิ์น้อย" มีเนื้อที่ทั้งหมด 2 ไร่ 2 งาน 43 ตารางวา เป็นวัดที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 สิ่งสำคัญภายในวัดก็จะมี วิหารเป็นสถาปัตยกรรมล้านนา สร้างขึ้นระหว่างปีพุทธศตวรรษ 24-25 เจดีย์องค์ใหญ่ที่อยู่หลังวิหาร
สำหรับเจดีย์ด้านทิศใต้ของวิหารนี้ เป็นโบราณสถานที่สำคัญของวัดอุโมงค์เถรจันทร์เพราะมีศิลปกรรมที่ผิดแผกไปจากเจดีย์ทั่วๆไปของจังหวัดเชียงใหม่ ตามลักษณะของเจดีย์แล้ว คาดการณ์กันว่าอาจจะสร้างเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จริง เจดีย์องค์นี้น่าจะเป็นแบบอย่างของโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ของแคว้นล้านนาไทย ที่เริ่มสร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 ทั้งนี้เพราะยากที่จะหาโบราณสถานใดๆในศิลปะแบบล้านนาที่จะมีอายุเก่าแก่ราวพุทธศตวรรษที่ 21 ได้
ในตำนานใบลานได้จารึกไว้ว่า พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ "พระมหาเถรจันทร์" ซึ่งเป็นพระเถรผู้ใหญ่ในยุคนั้นมีความแตกฉานในทางคดีโลกและคดีธรรม เป็นที่เคารพของคนทั้งหลาย พระเจ้ากือนา กษัตริย์อันดับที่ 7 ของเมืองล้านนาไทย ก็ได้ให้ความเคารพนับถือพระเถรจันทร์องค์นี้อย่างสูง เมื่อพระองค์มีข้อสงสัยพระการใด ก็ทรงให้อำมาตย์ ราชบุรุษนำราชยานไปรับ เพื่อเข้าเฝ้าชี้แจงข้อสงสัย ต่อมาเมื่อ "วัดโพธิ์น้อย" ซึ่งมีพระมหาเถรจันทร์เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงได้โปรดให้สร้างกุฏิ วิหาร อุโบสถและพระเจดีย์อุโมงค์ ซึ่งก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ.1918 และทรงตั้งชื่อว่า "วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์" บางครั้งพระมหาเถรจันทร์ไปพำนักที่วัดไผ่ 11 กอ เชิงดอยสุเทพเพื่อความสงบ เมื่อพระเจ้ากือนาทรงทราบจึงให้อำมาตย์ราชบุรุษไปสร้างวัดอุโมงค์ไว้อีกที่หนึ่ง ในปี พ.ศ.1921 พระมหาเถรจันทร์จึงได้เป็นเจ้าอาวาสทั้งสองวัด เมื่อท่านอายุได้ 77 ปี มีพรรษาได้ 56 พรรษา ท่านก็ได้มรณภาพลงที่วัดอุโมงค์แห่งนี้ ในปี พ.ศ.1945
โบราณวัตถุสถาน
1. พระพุทธเชียงแสนสิงห์หนึ่ง หรือ หลวงพ่อสมใจนึก หล่อด้วยโลหะปูนผสมเกศาดอกบัวตูม และลงรักปิดทองทับอีก มีขนาดหน้าตักกว้าง 1.90 เมตร สูง 2.20 เมตร เป็นพระประธานในอุโบสถ แบบปางมารวิชัยนั่งขัดสมาธิราบ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1839-1840
2. พระพุทธปฏิมากร (หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อใหญ่) พระประธานในวิหารหลวง หล่อด้วยปูนลงรักปิดทอง เกศาแบบเปลวเพลิง มีขนาดหน้าตัก 2.90 เมตร สูง 3.70 เมตร เป็นพระประธานในพระวิหารหลวง สร้างราวปี พ.ศ.1910-1914
3. พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์สามแบบปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์รมดำเกศาดอกบัวตูม มีขนาดกว้าง 77 เซนติเมตร สูง 1.05 เมตร ประดิษฐานหน้าพระประธาน (หลวงพ่อโต) ณ วิหารหลวงภายในวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์
4. หลวงพ่อไร่หอม เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย สร้างเมื่อ พ.ศ.2057 ประดิษฐาน ณ วิหารหลวง (อัญเชิญมาจากวัดไร่หอม และวัดนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด)