สถานที่ตั้ง
วัดพันแหวนตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดพันแหวนสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๔๐ โดยขุนนางยศ “พัน” ชื่อว่า “แหวน” จึงเรียกชื่อวัดว่า “พันแหวน” ตามผู้สร้างวัด แม้ไม่ได้มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์อะไรมากมายนัก แต่ก็ถือว่าเป็นพระอารามที่เก่าแก่มากอีกแห่งหนึ่ง มีอายุกว่า ๕๐๐ ปีแล้ว การตั้งชื่อวัดตามนามผู้สร้างนั้นถือเป็นธรรมเนียมนิยมในการสร้างวัดราษฎร์ของล้านนาในเมืองเชียงใหม่เองก็มีวัดหลายแห่งที่ตั้งชื่อลักษณะนี้ เช่น วัดพันอ้น วัดพันตอง วัดพันตาเกิ๋น (วัดชัยศรีภูมิ) เป็นต้น ตำแหน่ง “พัน” เป็นตำแหน่งขุนนางระดับล่าง คุมนายร้อย ๑๐ คน และพลทหาร ๑๐๐ คนค่ะ
โบราณวัตถุสถาน
1. พระเจดีย์ขาววัดพันแหวน เป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างเจดีย์ทรงระฆังอิทธิพลจากพม่า พัฒนาจนมีเอกลักษณ์เฉพาะแบบท้องถิ่น ฐานเขียงสี่เหลี่ยมรองรับฐานบัวลูกแก้วอกไก่ย่อเก็จ รองรับเรือนธาตุทรงแปดเหลี่ยมซ้อนกันสามชั้น เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆัง แต่ไม่เหลือรูปลักษณ์ขององค์ระฆังให้เห็น เนื่องจากแกะสลักเป็นใบหน้า อาจเป็นพระอินทร์ (หรืออาจเป็นพระพรหม) ไม่ทราบแน่ชัด ถัดไปเป็นปล้องไฉนประดับด้วยฉัตรสีทองบนปลายยอด ที่ฐานเป็นลายสัตว์ประจำปีนักษัตรทั้ง ๑๒ ฐานทั้งสี่มุมมีปูนปั้นช้างสามเศียร
2. พระวิหาร สถาปัตยกรรมแบบล้านนา ก่ออิฐถือปูน ทิศเหนือมีมุขยื่นออกไปคลุมบันไดนาคใช้เป็นทางเข้าออกของพระสงฆ์ ด้านหน้าพระวิหารมีบันไดนาค หน้าบันแบบม้าต่างไหม บานประตูลายรดน้ำสีทองรูป
วัดพันแหวนตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเป็นมา
วัดพันแหวนสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๔๐ โดยขุนนางยศ “พัน” ชื่อว่า “แหวน” จึงเรียกชื่อวัดว่า “พันแหวน” ตามผู้สร้างวัด แม้ไม่ได้มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์อะไรมากมายนัก แต่ก็ถือว่าเป็นพระอารามที่เก่าแก่มากอีกแห่งหนึ่ง มีอายุกว่า ๕๐๐ ปีแล้ว การตั้งชื่อวัดตามนามผู้สร้างนั้นถือเป็นธรรมเนียมนิยมในการสร้างวัดราษฎร์ของล้านนาในเมืองเชียงใหม่เองก็มีวัดหลายแห่งที่ตั้งชื่อลักษณะนี้ เช่น วัดพันอ้น วัดพันตอง วัดพันตาเกิ๋น (วัดชัยศรีภูมิ) เป็นต้น ตำแหน่ง “พัน” เป็นตำแหน่งขุนนางระดับล่าง คุมนายร้อย ๑๐ คน และพลทหาร ๑๐๐ คนค่ะ
โบราณวัตถุสถาน
1. พระเจดีย์ขาววัดพันแหวน เป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างเจดีย์ทรงระฆังอิทธิพลจากพม่า พัฒนาจนมีเอกลักษณ์เฉพาะแบบท้องถิ่น ฐานเขียงสี่เหลี่ยมรองรับฐานบัวลูกแก้วอกไก่ย่อเก็จ รองรับเรือนธาตุทรงแปดเหลี่ยมซ้อนกันสามชั้น เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆัง แต่ไม่เหลือรูปลักษณ์ขององค์ระฆังให้เห็น เนื่องจากแกะสลักเป็นใบหน้า อาจเป็นพระอินทร์ (หรืออาจเป็นพระพรหม) ไม่ทราบแน่ชัด ถัดไปเป็นปล้องไฉนประดับด้วยฉัตรสีทองบนปลายยอด ที่ฐานเป็นลายสัตว์ประจำปีนักษัตรทั้ง ๑๒ ฐานทั้งสี่มุมมีปูนปั้นช้างสามเศียร
2. พระวิหาร สถาปัตยกรรมแบบล้านนา ก่ออิฐถือปูน ทิศเหนือมีมุขยื่นออกไปคลุมบันไดนาคใช้เป็นทางเข้าออกของพระสงฆ์ ด้านหน้าพระวิหารมีบันไดนาค หน้าบันแบบม้าต่างไหม บานประตูลายรดน้ำสีทองรูป